The highlight of dessert, for me, was the "Molecular Gastronomy"-"-196 Degree Celsius Candy Strawberry and +99 Degree Celsius Strawberry Jam". I am very impressed.
โดยส่วนตัว ฉันไม่ค่อยชอบอาหารสไตล์ ไคเซกิ เท่าไหร่ อาหารจานเล็ก จานน้อย เสริฟมาอย่างเหมือนจะไม่มีวันหมด สวย ตกแต่งอย่างปราณีต เป็นอาหารประจำฤดูกาลและประจำถิ่น เพราะฉะนั้น รับประกันได้เลยว่า สด อร่อย และดีต่อสุขภาพแน่นอน แต่สำหรับฉัน รสชาติออกจะอ่อนไปหน่อย ฉันชอบอาหารประมาณราเมน ซูชิ สุกี้ยากี้ ชาบู หมูทอดทงคัตสึ ซะมากกว่า
แต่เพราะร้านนี้ได้รับรางวัลจากการจัดอันดับร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก (The World's 50 Best Restaurant 2011) โดยได้อันดับที่ 20 ฉันเลยต้องขอไปลองสักหน่อย ร้านนี้ชื่อว่า ริวกิน (Ryo Gin) ค่ะ แปลว่า มังกรทอง ร้านตกแต่งสวยงาม เป็นร้านขนาดเล็กมีโต๊ะประมาณ 10 โต๊ะเห็นจะได้ พนักงานเสริฟได้รับการเทรนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ ซอมเมอริเยร์ (ผู้ชำนาญการคัดเลือกไวน์) เค้าจะแนะนำอาหารแต่ละจานว่าเหมาะกับไวน์ หรือสาเกแบบไหน เพื่อให้การทานอาหารในครั้งนี้ได้อรรถรสยิ่งขึ้น
การตกแต่งอาหารไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ อาหารสวย ปราณีตทั้งการตกแต่งและจานที่ใส่อาหารมา แต่ละใบได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี สวยมีเอกลักษณ์ตามสไตล์ไคเซกิ เน้นถึงความเป็นญี่ปุ่น เหมือนจะให้ชาวต่างชาติได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมของเค้า และให้ได้รับรู้ถึงประสาททั้ง 5 ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นอกจากนี้ก็มีความแตกต่างจากอาหารไคเซกิที่มักคุ้นโดยทั่ว ๆ ไป คือวิธีการเสริฟจะค่อนข้างไปทางสากลเหมือนอาหารฝรั่งมากกว่า รสชาติอาหารถือได้ว่าดีเยี่ยม และยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ทาน "โอเด้ง" เป็นโอเด้งที่หรูมาก เพราะมีโอเด้งเป๋าฮื้อด้วย ไฮโซสุด ๆ ซึ่งปกติ โอเด้ง ถือได้ว่าเป็นอาหารข้างถนน จะมีตามร้านสะดวกซื้อและรถเข็นทั่วไป แต่ถือได้ว่าเป็นอาหารที่เป็นญี่ปุ่นแท้ ๆ และรับรองว่า ไม่มีชาวญี่ปุ่นคนไหนไม่รู้จักโอเด้ง
การตกแต่งอาหารไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ อาหารสวย ปราณีตทั้งการตกแต่งและจานที่ใส่อาหารมา แต่ละใบได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี สวยมีเอกลักษณ์ตามสไตล์ไคเซกิ เน้นถึงความเป็นญี่ปุ่น เหมือนจะให้ชาวต่างชาติได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมของเค้า และให้ได้รับรู้ถึงประสาททั้ง 5 ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นอกจากนี้ก็มีความแตกต่างจากอาหารไคเซกิที่มักคุ้นโดยทั่ว ๆ ไป คือวิธีการเสริฟจะค่อนข้างไปทางสากลเหมือนอาหารฝรั่งมากกว่า รสชาติอาหารถือได้ว่าดีเยี่ยม และยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ทาน "โอเด้ง" เป็นโอเด้งที่หรูมาก เพราะมีโอเด้งเป๋าฮื้อด้วย ไฮโซสุด ๆ ซึ่งปกติ โอเด้ง ถือได้ว่าเป็นอาหารข้างถนน จะมีตามร้านสะดวกซื้อและรถเข็นทั่วไป แต่ถือได้ว่าเป็นอาหารที่เป็นญี่ปุ่นแท้ ๆ และรับรองว่า ไม่มีชาวญี่ปุ่นคนไหนไม่รู้จักโอเด้ง
แต่แค่โอเด้งแล้วจะเรียกเสียงฮือฮาได้นั้นก็คงธรรมดาเกินไป สำหรับการที่ได้ติดหนึ่งในห้าสิบของร้านอาหารระดับโลก อาหารจานเด็ดที่สุดสำหรับฉันคือ จานหวาน รออีกสักนิดนะคะ...
Hot Egg Custard with "Sanshyo Pepper" "Broad Bean Puree" and "Fresh Pea" |
"Fresh Sea urchin" from Akkodate Hokkaido with "Dry Shrimp Jelly" "Grilled Eggplant" and "Shirozuiki" |
Ichiban Dashi Soup Asajime "Pike Eel" with "Grilled Eggplant" Broth flavored with "Aoyuzu" |
Sashimi Dish 3 small plates - "Seabream" from Tokushima "Cherry Leaves" Flavor - Straw Smoked "Bonito" - "Aoriika Squid" |
relaxing break from Kaiseki
RyuGin Oden! To pursue possibility of the japanese Cuisine.... |
"Grilled Seapearch" from Choshi with "Roasted Rice" over the skin and "Bamboo Shoots" |
"Kuroge Wagyu Beef Filet" coated in breadcrumbs with "Premium Poached Egg" and 3 kinds of "Oignons" |
"Wild Mountain Vegetables' Simmered Rice" topped with "Yariika Squid" from Aomori with its Eggs |
-196 Degree Celsius Candy Strawberry and +99 Degree Celsius "Strawberry Jam" |
จานนี้แหล่ะค่ะ ที่ฉันได้พูดถึงไว้ในตอนต้น เค้าเสิรฟขนมรูปร่างคล้ายสตอเบอรี่ที่มีอุณหภูมิเย็นจัดถึง -196 องศาเซลเซียส และให้เราใช้ช้อนกระเทาะให้แตกออก ข้างในเป็นผงสตอเบอรี่รสชาติหวานนิด ๆ เหมือนทานไอซิ่งที่ไม่หวานจัดและมีกลิ่นหอมของสตอเบอรี่จาง ๆ จากนั้นเค้าก็จะราดแยมสตอเบอรี่สดที่อุ่น ๆ หรืออาจจะเรียกว่าร้อนก็ได้ เพราะมีอุณหภูมิสูงถึง 99 องศาเซลเซียส อาหารลักษณะแบบนี้เรียกว่า Molecular Gastronomy เป็นการทำอาหารที่เชฟจะได้โชว์ถึงศักยภาพของตัวเองทั้งทางศิลปะและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว อาหารจะมีความแตกต่างไปจากอาหารที่เราเคยได้ทานในร้านอาหารทั่วไป เป็นวิวัฒนาการทางด้านอาหารที่ได้มีการพัฒนามาโดยตลอด ถือได้ว่าเป็นการให้ประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับนักชิมหน้าใหม่อย่างเราจริง ๆ
Hot Parfait RyuGin Style Vol.12 "Daiginjo White Sake" |
Mattcha |
Too short na ja. Was expecting to read more.
ReplyDeleteI posted comments. It didn't show up. Nice shots. P'Penni, you expected (more) = bigger portion? Not for Kaiseki. What a lucky girl you are, kook...
ReplyDeleteI personally think Japanese Kaiseki should be left as it is. Using modern cooking techniques kills the simplicity and beauty of true Japanese cuisine. But seemed like a meal you truly enjoyed....once again.
ReplyDeleteThere ! much better ...
ReplyDeleteNot the bigger portion but the story that was too short last time, K. House. I want to feel either hungry or satisfy after I am done reading Kook's ka.